กลยุทธ์และการบริหารจัดการความยั่งยืน
นโยบายและเป้าหมายการจัดการด้านความยั่งยืน
จากวิสัยทัศน์ของบริษัท “บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถังแก๊สของโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการ
เติบโตอย่างยั่งยืน” คณะกรรมการบริษัทตระหนักและมีวิสัยทัศน์ว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในการที่จะสร้างคุณค่าเพิ่ม เติบโต และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการสร้างสมดุลของทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ประกอบกับการเคารพสิทธิมนุษยชน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใต้หลักจริยธรรม การกำกับและดูแลกิจการที่ดี และการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหลักปรัชญาที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 คือ ดำรงอยู่ภายใต้หลักความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน บนเงื่อนไข “ความรู้” และ “คุณธรรม” โดยนำมาบูรณาการกับหลักจรรยาบรรณธุรกิจและนโยบายการดำเนินงานของบริษัทผ่านกิจกรรมที่จัดทำขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
บริษัทได้นำประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนจัดทำเป็นแผนกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ซึ่งตอบ
สนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนาเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของธุรกิจ 5 ด้าน (5 Megatrends Towards Future Sustainability for SMPC) โดยบริษัทได้ดำเนินงานด้านมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนี้

กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทรัพยากรบุคคล ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรของบริษัท บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานและการพัฒนาทักษะในการทำงานทั้งในแนวกว้างและลึก ขยายขีดความสามารถ ศักยภาพของพนักงาน และสร้างผู้นำที่ดีที่นอกจากจะมีความสามารถทางด้านธุรกิจแล้ว ยังมีจิตสำนึกที่ดี และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อองค์กรและสังคม
ซึ่งบริษัทได้พัฒนาบุคคลากรผ่านทางการอบรมทั้งภายในและภายนอกบริษัท มีการสร้างบรรยากาศในการทำงาน สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็น รวมถึงมีการทำโครงงานร่วมกันระหว่างฝ่ายเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นทีม พนักงานในแต่ละฝ่ายมีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ทำให้นอกจากจะเกิดการพัฒนากระบวนการทำงาน พัฒนากระบวนการผลิต และการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ แล้ว ยังทำให้พนักงานมีความรู้สึกผูกพันและร่วมเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
บริษัทได้ปลูกฝังเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานในองค์กรผ่านกิจกรรมต่างๆ ทำให้พนักงานตระหนักถีงความสำคัญต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่เป็นธรรม พนักงานมีอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน โดยบริษัทคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนเป็นหลักการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิ เสรีภาพ หรือความเสมอภาค รวมถึงการได้รับการปกป้อง คุ้มครองที่เป็นธรรม
บริษัทได้มีการพัฒนากระบวนการทำงานเข้าสู่ระบบดิจิทัล เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานและการดำเนินชีวิตแบบใหม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 บริษัทได้มีการปรับรูปแบบการทำงานให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้าน และปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมโดยใช้การประชุมผ่านทางออนไลน์เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างพนักงาน และที่สำคัญ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พนักงานขายไม่สามารถเดินทางหาลูกค้าได้ บริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดต่อและการนำเสนอกับลูกค้าโดยทำการนัดประชุมแบบเสมือนจริง (Virtual Meeting) ทำให้สามารถรักษาความสัมพันธ์และติดต่อประสานงานกับลูกค้าได้ และลูกค้ายังคงมีคำสั่งซื้อมาอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีการวางนโยบายในการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานของบริษัทมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทำงาน ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น บริษัทได้ดำเนินการนำระบบ e-document และ e-workflow มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน
นอกจากนี้บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ บริษัทจึงมีการวางระบบโครงสร้างเพื่อปกป้องข้อมูลให้มีความปลอดภัยบนเครือข่าย และดำเนินการในเรื่องของการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล โดยการตรวจสอบความพร้อมและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพนักงานและบุคคลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม
บริษัทได้ดำเนินกิจการควบคู่กับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เห็นความสำคัญ และได้นำมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO14001:2015 มาใช้ในองค์กร มีการจัดทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมและโครงการให้พนักงานตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม นำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงานเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
บริษัทได้พัฒนากระบวนการผลิตเพื่อลดการเกิดของเสียและลดมลพิษต่างๆ ได้แก่ นำระบบบำบัดอากาศแบบเปียก (Wet Scrubber) มาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อไม่ให้มีการปล่อยควันและฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตไปสู่อากาศ ทำให้ไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม นำอุปกรณ์ลดเสียงลม (Silencers) มาใช้ในกระบวนการผลิต เพิ่มอุปกรณ์ป้องกันเสียงเพื่อลดเสียงที่เกิดจากการทำงานในโรงงาน ติดตั้งผนังกันเสียงเพื่อลดเสียงที่เกิดจากการทำงานในโรงงาน ทำการปลูกต้นไม้รอบรั้วโรงงานเพื่อให้เกิดเป็นพื้นที่สีเขียว และเป็นกำแพงกันเสียง ทำการบำบัดน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตและนำกลับมาใช้ใหม่ 100%
นอกจากนี้บริษัทยังคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญอยู่ บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร เพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางดำเนินงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทได้ลดการใช้ไฟฟ้าและใช้พลังงานทดแทนจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop) ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ส่งผลให้รักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
บริษัทได้มีการติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ และไม่หยุดที่จะพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้นำแขนกลหุ่นยนต์และระบบสายการผลิตอัตโนมัติเข้ามาพัฒนาให้เข้ากับกระบวนการผลิตเพื่อนำมาใช้สำหรับการเชื่อม ทำให้คุณภาพของงานเชื่อมมีความสม่ำเสมอ สามารถลดจำนวนแรงงานในการผลิต และลดการเกิดขยะอุตสาหกรรมได้ นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายผลโดยการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการอื่นๆ ในการทำงานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงงานผลิตหรือในส่วนของสำนักงาน
การที่บริษัทจะมีความยั่งยืนได้นั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการคิดค้นและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งนวัตกรรมในสินค้า การบริการ และกระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ในการสร้างนวัตกรรมของบริษัท บริษัทคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยนำความคิดเห็นและปัญหาของลูกค้ามาพัฒนาสินค้าและบริการ ได้แก่ การนำ RFID มาใช้กับถังแก๊สสำหรับปิโตรเลียมเหลว ทำให้ลูกค้าสามารถบันทึกข้อมูลและนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการใช้งานได้หลากหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการหมุนเวียนของถัง การจัดการบริหารสินค้าคงคลัง และการสอบย้อนกลับ เป็นต้น
นอกจากการนำนวัตกรรมมาใช้ในสินค้าและบริการแล้ว บริษัทยังนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิต มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพการผลิต ให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
การประเมินประเด็นสำคัญต่อความยั่งยืน
บริษัทได้คำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงประเด็นที่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ โดยอาศัยหลักการตามแนวทางของ Global Reporting Initiative (GRI) Standards เพื่อสะท้อนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยมีการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. การระบุประเด็นสำคัญ
บริษัทคำนึงถึงประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ทำการกำหนดขอบเขตการพัฒนาความยั่งยืนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงบริบทด้านความยั่งยืน ความต้องการ และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่าให้ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกองค์กร
2. การลำดับความสำคัญ
บริษัทได้นำประเด็นสำคัญที่ระบุในขั้นตอนที่ 1 มาพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ โดยคำนึงถึงโอกาสและความรุนแรงของผลกระทบในแต่ละประเด็นต่อการสร้างคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
3. การทวนสอบประเด็น
นำเสนอประเด็นที่ได้จากการจัดลำดับความสำคัญให้กับคณะผู้บริหารในการพิจารณาทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร ตรวจสอบความสมบูรณ์ ถูกต้อง และครบถ้วนของประเด็นที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
บริษัทได้ทบทวนการประเมินด้านประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญ และจัดลำดับความสำคัญของประเด็น โดยได้พิจารณาข้อมูล
จากผู้มีส่วนได้เสีย ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียและต่อบริษัท ซึ่งแต่ละประเด็นมีความสำคัญด้านความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่แตกต่างออกไป โดยในปี 2565 บริษัทได้ระบุประเด็นสำคัญของธุรกิจ และประเด็นดังกล่าวได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท ดังนี้
